LinkFacebookInstagramLink

IELTS

IELTS คืออะไร

IELTS (ไอเอลส์) คือ ข้อสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ ย่อมาจาก International English Language Test System ซึ่งการสอบประกอบไปด้วยพาร์ทการฟัง (Listening), การอ่าน (Reading), การเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) โดย IELTS มีศูนย์สอบในประเทศไทย 2 แห่ง ได้แก่ British Council และ IDP คะแนนสอบมีอายุ 2 ปี สามารถใช้ได้ทั้งการศึกษาต่อในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน และการเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย นอกจากนี้ยังสามารถใช้คะแนนเพื่อการทำงานและเพื่อการย้ายถิ่นฐานได้ด้วย


IELTS สอบอะไรบ้าง

> บทสนทนาของคน 2 คน พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน

> บทพูดของคน 1 คน ซึ่งยังคงพูดเรื่องราวในชีวิตประจำวันอยู่

> บทสนทนาแบบกลุ่ม โดยเรื่องราวที่พูดคุยจะเป็นแนววิชาการ

> บทพูดเชิงวิชาการของคน 1 คน

> แบบ Academic ข้อสอบจะมีบทความยาวทั้งหมด 3 บทความ ซึ่งเนื้อหาของบทความก็จะเป็นข้อมูลเชิงวิชาการ และอาจมีแผนภาพ กราฟ หรือรูปภาพประกอบอยู่ด้วย

> แบบ General ข้อสอบจะมีให้อ่าน 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นบทความสั้นประมาณ 2-3 บทความ ส่วนที่สองเป็นบทความสั้นเกี่ยวกับการทำงาน และส่วนสุดท้ายเป็นบทความยาว 1 บทความ

> แบบ Academic ข้อสอบ Task 1 จะให้เขียนอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่แสดงอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น Line Graph, Bar Chart, Pie Chart, Flow Chart, Diagram, Table, Map และการเขียนต้องไม่น้อยกว่า 150 คำ ส่วน Task 2 ให้เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นไม่ต่ำกว่า 250 คำ ซึ่งคำถามมีหลายแบบ เช่น Agree or Disagree, Advantages and Disadvantages, Cause and Effect เป็นต้น

> แบบ General ข้อสอบ Task 1 จะเป็นการเขียนจดหมาย 1 ฉบับ โดยจะต้องเขียนไม่ต่ำกว่า 150 คำ ส่วน Task 2 โจทย์จะให้เขียนเรียงความ ความยาวไม่ต่ำกว่า 250 คำ

> เกณฑ์คะแนน IELTS Writing ดูจาก Task Response คือ การตอบตรงคำถาม มีเหตุผลสนับสนุนที่สอดคล้องกับหัวข้อที่เขียน, Coherence and Cohesion คือการวางลำดับการเขียนอย่างเหมาะสม มีการใช้คำเชื่อมต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง, Lexical Resource คือความสามารถในการใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย สะกดคำถูกต้อง และ Grammatical range and accuracy ซึ่งก็คือความถูกต้องทางไวยกรณ์นั่นเอง

ข้อสอบ IELTS ทั้งแบบปกติและแบบ UKVI เนื้อหาและโครงสร้างข้อสอบรวมถึงเกณฑ์คะแนนจะเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันเพียงสถานที่สอบและใบรายนงานผลสอบที่หน้าตาอาจจะไม่เหมือนกัน 


IELTS แบบกระดาษ กับ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ต่างกันยังไง

การสอบ IELTS สองแบบนี้เหมือนกันทั้งค่าสอบ เนื้อหาข้อสอบ เกณฑ์การให้คะแนน มาตรฐานของข้อสอบก็เท่าเทียมกัน ต่างกันแค่เพียงบางอย่าง ดังนี้

> IELTS แบบกระดาษ รอผลสอบ 14-15 วัน ส่วน IELTS แบบคอมพิวเตอร์ รอผลสอบ 3-5 วัน

> IELTS แบบกระดาษ สอบฟัง อ่าน และเขียนในกระดาษ แต่หากเป็น IELTS แบบคอมพิวเตอร์สามพาร์ทดังกล่าวจะทำในคอมพิวเตอร์ ส่วนการพูดจะสอบแบบตัวต่อตัวหรือผ่านทางวิดีโอคอลเหมือนกัน

> IELTS Writing หากทำข้อสอบแบบกระดาษต้องนับจำนวนคำเอง ส่วน IELTS แบบคอมพิวเตอร์จะมีจำนวนคำขึ้นให้

คะแนน IELTS เท่าไหร่ จึงจะถือว่าสอบผ่าน

IELTS มีคะแนนเต็ม 9.0 ระดับคะแนนเพิ่มขึ้นทีละ 0.5 คะแนน เช่น 6.0, 6.5, 7.0 ซึ่งเราจะเรียกว่าเป็น Band Score ก็ได้ โดยคะแนนแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่มีเกณฑ์คะแนนตกหรือผ่าน โดยคะแนนรวมนี้มาจากการนำคะแนนของแต่ละพาร์ทมารวมกันแล้วหาค่าเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม คะแนนสอบจะสามารถใช้งานได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับว่าผู้สอบทำคะแนนได้ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยหรือองค์กรระบุหรือไม่ เช่น หลักสูตรปริญญาตรีนานาชาติในไทย ส่วนใหญ่จะกำหนดคะแนนยื่นตั้งแต่ 6.0 ขึ้นไป หากเราทำคะแนนได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็จะไม่สามารถยื่นได้


ระดับ IELTS Score – ความหมายของคะแนน

band score 1 (English Non-user) ใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แม้เเต่เล็กน้อย

band score 2 (English Intermittent use) ใช้ภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารไม่ได้เลย หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ประมาณ 255-300 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ประมาณ 19-29

band score 3 (English Extremely limited user) ใช้ภาษาอังกฤษได้จำกัดมาก สามารถใช้สื่อสารได้ในสถานการณ์ที่ง่ายเท่านั้น หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 300-400 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 30-40 คะแนน โดยคะแนนระดับนี้ สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อมหาลัยในประเทศ ได้บางมหาวิทยาลัย บางคณะ เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ภาคพิเศษ หลักสูตรไทย , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ภาคพิเศษ หลักสูตรไทย

band score 4 (English Limited user) ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัด สามารถใช้สื่อสารได้เฉพาะเรื่องที่ตนเองคุ้นเคยเท่านั้น หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 405-500 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 41-52 คะแนน โดยคะแนนระดับนี้ สามารถใช้สมัครงานได้บางแห่ง เช่น SCG , การไฟฟ้า , ธนาคารเเห่งประเทศไทย

band score 5 (English Modest user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับปานกลาง สามารถใช้สื่อสารได้บางส่วนและเข้าใจความหมายกว้างในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ยังมีข้อผิดพลาดบ่อย ๆ แต่ก็สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานในเรื่องที่ตนถนัดได้ดี หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 500-600 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 53-64 โดยคะแนนระดับนี้ สามารถใช้สมัครงานได้ เช่น CPAAL , TOYOTA

band score 6 (English Competent user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมในการใช้ภาษาบ้าง หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ประมาณ 600-700 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ประมาณ 65-78 คะแนนระดับนี้ สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อได้ทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศและต่างประเทศ หรือใช้ยื่นสมัครงานก็ได้

band score 7 (English Good user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี สามารถสื่อสารได้ดีแต่ยังมีความผิดพลาดและเข้าใจผิดในบางโอกาส หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ประมาณ 701-800 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ประมาณ 79-95 คะแนนระดับนี้ สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อได้ทั้งมหาลัยชั้นนำในประเทศและมหาลัยชั้นนำระดับโลก เช่น Harvard , MIT , Stanford , Oxford

band score 8 (English Very good user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมาก สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและคล่องแคล่ว แต่อาจมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมบ้างบางครั้งคราว หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 801-900 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 96-110

band score 9 (English Expert user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีเยี่ยม สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะสม ถูกต้องแม่นยำ และมีเข้าใจในภาษาอย่างดีเยี่ยม หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 901-990 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 110-120


IELTS เปิดสอบเมื่อไหร่

รอบสอบ IELTS มีเปิดทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการสอบแบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์ หากเราสนใจก็สามารถสมัครสอบผ่านเว็บไซต์ของศูนย์สอบได้เลย


วิธีการสมัครสอบ IELTS

การสอบ IELTS จะให้เวลาสมัครสอบ 20-30 นาที หากหมดเวลาแล้วยังกรอกข้อมูลไม่เสร็จ จะต้องเริ่มกรอกใหม่ทั้งหมด ดังนั้น เราจะต้องเตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และบัตรเครดิตสำหรับการชำระเงินให้พร้อม แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกชำระผ่านบัตรเครดิต ก็สามารถเลือกช่องทางการชำระเงินช่องทางอื่น ๆ แทนได้

IELTS สอบที่ไหนได้บ้าง

> ศูนย์สอบ IELTS British Council มีสนามสอบทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ได้แก่ สมุทรปราการ เชียงใหม่ ปทุมธานี พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา และภูเก็ต

> ศูนย์สอบ IELTS IDP มีสนามสอบที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต โคราช มหาสารคาม และพิษณุโลก

วันสอบ IELTS ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

เตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตัวจริงไป โดยแนะนำว่าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งให้ตรงกับที่เราใช้สมัครสอบ เช่น เราอัพโหลดรูปบัตรประชาชนไว้ในระบบตอนสมัครสอบ เราก็เตรียมบัตรประชาชนตัวจริงไป แต่หากเราใช้พาสปอร์ตตอนสมัครสอบ เราก็เลือกนำพาสปอร์ตตัวจริงไป เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ ทางศูนย์สอบจะมีเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว

 

IELTS เลื่อนสอบหรือยกเลิกการสอบได้ไหม

สามารถเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงวันสอบ IELTS ได้ โดยหากแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนถึงวันสอบ จะไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ กรณีแจ้งล่วงหน้า 3 วัน – 5 สัปดาห์ก่อนสอบ จะมีค่าธรรมเนียม 25 % และหากแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่า 3 วันก่อนสอบ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนวันสอบได้ ส่วนใครที่อยากจะยกเลิกการสอบไปเลยก็สามารถทำได้ แต่จะต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนถึงวันสอบเท่านั้น ซึ่งผู้สอบจะได้รับเงินคืน 75% ทั้งนี้ ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น เจ็บป่วยร้ายแรง เกิดภัยพิบัติ ญาติหรือคนในครอบครัวเสียชีวิต หรืออื่น ๆ ตามที่ศูนย์สอบกำหนด แม้จะไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก็สามารถทำเรื่องให้ศูนย์สอบพิจารณาคืนเงินได้ โดยจะต้องส่งคำขอไปยังศูนย์สอบภายในหลังวันสอบ 1 วัน และต้องมีการส่งหลักฐานภายใน 5 วันนับจากวันสอบด้วย

 ความแตกต่างระหว่าง สอบ IELTS Paper-Based Test VS IELTS Computer

ขอบคุณภาพจาก https://ielts.idp.com/

คำถามที่พบบ่อย ielts 

ielts สอบได้กี่ครั้งต่อปี?

> สามารถสอบได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่มีเงื่อนไขจำกัดเรื่องจำนวนครั้งในการสอบ ข้อสอบนี้มีเปิดสอบทุกสัปดาห์ หากสอบแบบกระดาษจะรอผลคะแนน 2 สัปดาห์หลังสอบ แต่หากสอบแบบคอมพิวเตอร์จะรอผลเพียง 5-7 วันหลังสอบ

ielts สอบได้กี่ครั้ง?

> ข้อสอบนี้มีเปิดสอบทุกสัปดาห์ จึงสามารถสอบได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่มีเงื่อนไขจำกัดเรื่องจำนวนครั้งในการสอบ หากสอบแบบกระดาษจะรอผลคะแนน 2 สัปดาห์หลังสอบ แต่หากสอบแบบคอมพิวเตอร์จะรอผลเพียง 5-7 วันหลังสอบ

ielts ค่าสอบเท่าไหร่?

> กรณีสมัครสอบแบบ Academic หรือ General ค่าสอบจะอยู่ที่ 6,900 บาท/ครั้ง แต่หากเป็นแบบ UKVI ค่าสอบจะเป็น 7,710 บาท/ครั้ง ส่วนกรณีสอบแบบ Life Skill ราคาค่าสอบคือ 5,800 บาท/ครั้ง

สอบ ielts แบบไหนดี ?

> ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยแบบ Academic เหมาะกับการเรียนต่อ แบบ General เหมาะกับการสมัครงาน Life Skill เหมาะกับการขอสัฐชาติหรือวีซ่าแต่งงาน หรือกรณีจะสอบแบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเลือกที่ถนัดได้เลย

คะแนน IELTS ควร ได้เท่าไหร่ ?

> ขึ้นอยู่กับที่ที่เราจะยื่นว่ากำหนดคะแนนไว้เท่าไหร่ ให้ยึดที่เกณฑ์ของที่นั้น ๆ และให้ทำคะแนนให้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเล็กน้อย โดยเฉพาะการยื่นสมัครเรียนต่อ เนื่องจากเราจะต้องแข่งขันกับคนอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง

คะแนน IELTS อายุ ?

> ผลสอบมีอายุ 2 ปี โดยหากคะแนนที่มีอายุเกินจากนี้จะไม่สามารถใช้ยื่นได้ ดังนั้น ในรายละเอียดการประกาศรับสมัครต่าง ๆ จึงมักจะมีหมายเหตุแจ้งไว้เสมอว่าคะแนนที่ยื่นนั้นจะต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปี

คะแนน IELTS ต่ำสุด ?

> คะแนนสอบต่ำสุดจะเริ่มจาก 1.0 หมายถึงใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ไปจนถึง 9.0 หมายถึงใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเลิศ โดยคะแนนต่ำสุดที่ยื่นได้ จะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละที่ ว่ากำหนดให้ยื่นคะแนนไม่น้อยกว่าเท่าไหร่

ielts อายุกี่ปีถึงสอบได้ ?

> การสอบไม่ได้กำหนดอายุขั้นต่ำ ไม่ว่าจะอยู่ช่วงวัยใดก็สามารถสมัครสอบได้ แต่ด้วยลักษณะของคำถามและแนวข้อสอบ หากให้แนะนำก็จะเหมาะกับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปมากกว่า

ielts สอบอะไรบ้าง ?

> แบบ Academic และ General สอบทั้งหมด 4 พาร์ท ได้แก่ การฟัง (Listening), การอ่าน (Reading), การเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) ส่วนแบบ Life Skill จะสอบเฉพาะการพูด(Speaking) และการฟัง (Listening)

ขั้นตอนการสมัครเรียน 3 ช่องทาง
- รบกวน คลิก Add Line ID : Chulatew แจ้งรายละเอียดที่ต้องการเรียน หรือทักมาสอบถามมาคุยกันได้นะคะ *คุยกับ Admin โดยตรง*  (คลิก ICON ด้านล่างเพื่อ Add Line ค่ะ)

- คลิก กรอกรายละเอียด ตาม Form ด้านล่าง ทางทีม Chulatew จะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบทาง Line หรือ โทรศัพท์   (คลิก ICON ด้านล่าง เพื่อกรอกรายละเอียดค่ะ)

- ผ่านทาง Facebook Fanpage, Instagram แจ้งรายละเอียดที่ต้องการเรียน หรือทักมาสอบถามมาคุยกันได้นะคะ   (คลิก ICON ด้านล่างได้เลยค่ะ)

> ติวเตอร์มีประสบการณ์สอน สอนพิเศษตัวต่อตัว มายาวนาน ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติมาเป็นอย่างดี

> มีเทคนิคเฉพาะตัว ช่วยให้การเรียนตัวต่อตัวเข้าใจง่าย สามารถพลิกเเพลง ได้ทุกเเนว

> ติวเตอร์เป็นกันเอง ทำให้การเรียน การสอน กลายเป็นเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ เข้าใจง่าย เเละรู้จริง สามารถปรับเข้ากับสไตล์การเรียนของผู้เรียน เช่น ตะลุยข้อสอบ ปรับพื้นฐาน 

> หากเรียนกับติวเตอร์ เเล้วไม่ถูกใจ ทีมจุฬาติว สามารถเปลี่ยนติวเตอร์ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรี!! 

ติอต่อเรา