IELTS
IELTS คืออะไร
IELTS (ไอเอลส์) คือ ข้อสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ ย่อมาจาก International English Language Test System ซึ่งการสอบประกอบไปด้วยพาร์ทการฟัง (Listening), การอ่าน (Reading), การเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) โดย IELTS มีศูนย์สอบในประเทศไทย 2 แห่ง ได้แก่ British Council และ IDP คะแนนสอบมีอายุ 2 ปี สามารถใช้ได้ทั้งการศึกษาต่อในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน และการเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย นอกจากนี้ยังสามารถใช้คะแนนเพื่อการทำงานและเพื่อการย้ายถิ่นฐานได้ด้วย
IELTS สอบอะไรบ้าง
พาร์ทการฟัง (Listening) ข้อสอบพาร์ทนี้จะเหมือนกันทั้งแบบ Academic และ General มีทั้งหมด 40 ข้อ ให้เวลา 40 นาที คะแนนเต็ม 9.0 คะแนน เสียงที่ได้ยินจะมีทั้งหมด 4 แบบ คือ
> บทสนทนาของคน 2 คน พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
> บทพูดของคน 1 คน ซึ่งยังคงพูดเรื่องราวในชีวิตประจำวันอยู่
> บทสนทนาแบบกลุ่ม โดยเรื่องราวที่พูดคุยจะเป็นแนววิชาการ
> บทพูดเชิงวิชาการของคน 1 คน
พาร์ทการอ่าน (Reading) ข้อสอบส่วนนี้ใน IELTS แบบ Academic และ General จะไม่เหมือนกัน โดยคำถามมีทั้งหมด 40 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 40 นาที คะแนนเต็ม 9.0 คะแนน คำถามของพาร์ท Reading มีหลายแบบทั้ง Multiple choice, True/False/Not given, Yes/No/ Not given, Matching, Sentence completion, Short-answer questions, Diagram label completion
> แบบ Academic ข้อสอบจะมีบทความยาวทั้งหมด 3 บทความ ซึ่งเนื้อหาของบทความก็จะเป็นข้อมูลเชิงวิชาการ และอาจมีแผนภาพ กราฟ หรือรูปภาพประกอบอยู่ด้วย
> แบบ General ข้อสอบจะมีให้อ่าน 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นบทความสั้นประมาณ 2-3 บทความ ส่วนที่สองเป็นบทความสั้นเกี่ยวกับการทำงาน และส่วนสุดท้ายเป็นบทความยาว 1 บทความ
พาร์ทการเขียน (Writing) ข้อสอบส่วนนี้ใน IELTS แบบ Academic และ General จะไม่เหมือนกัน มีคำถามทั้งหมด 2 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 60 นาที คะแนนเต็ม 9.0
> แบบ Academic ข้อสอบ Task 1 จะให้เขียนอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่แสดงอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น Line Graph, Bar Chart, Pie Chart, Flow Chart, Diagram, Table, Map และการเขียนต้องไม่น้อยกว่า 150 คำ ส่วน Task 2 ให้เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นไม่ต่ำกว่า 250 คำ ซึ่งคำถามมีหลายแบบ เช่น Agree or Disagree, Advantages and Disadvantages, Cause and Effect เป็นต้น
> แบบ General ข้อสอบ Task 1 จะเป็นการเขียนจดหมาย 1 ฉบับ โดยจะต้องเขียนไม่ต่ำกว่า 150 คำ ส่วน Task 2 โจทย์จะให้เขียนเรียงความ ความยาวไม่ต่ำกว่า 250 คำ
> เกณฑ์คะแนน IELTS Writing ดูจาก Task Response คือ การตอบตรงคำถาม มีเหตุผลสนับสนุนที่สอดคล้องกับหัวข้อที่เขียน, Coherence and Cohesion คือการวางลำดับการเขียนอย่างเหมาะสม มีการใช้คำเชื่อมต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง, Lexical Resource คือความสามารถในการใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย สะกดคำถูกต้อง และ Grammatical range and accuracy ซึ่งก็คือความถูกต้องทางไวยกรณ์นั่นเอง
พาร์ทการพูด (Speaking) เหมือนกันทั้งแบบ Academic และ General ข้อสอบมีคำถามให้เราพูดทั้งหมด 3 ส่วน คือ คำถามสั้น ๆ ให้พูดเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้สอบ การพูดตามหัวข้อที่เราได้จากการ์ดคำถาม และการพูดวิเคราะห์เชิงลึกในหัวข้อเดิมต่อจากส่วนที่สอง พาร์ทนี้จะใช้เวลาสอบ 10-14 นาที คะแนนเต็ม 9.0
ข้อสอบ IELTS ทั้งแบบปกติและแบบ UKVI เนื้อหาและโครงสร้างข้อสอบรวมถึงเกณฑ์คะแนนจะเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันเพียงสถานที่สอบและใบรายนงานผลสอบที่หน้าตาอาจจะไม่เหมือนกัน
IELTS แบบกระดาษ กับ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ ต่างกันยังไง
การสอบ IELTS สองแบบนี้เหมือนกันทั้งค่าสอบ เนื้อหาข้อสอบ เกณฑ์การให้คะแนน มาตรฐานของข้อสอบก็เท่าเทียมกัน ต่างกันแค่เพียงบางอย่าง ดังนี้
> IELTS แบบกระดาษ รอผลสอบ 14-15 วัน ส่วน IELTS แบบคอมพิวเตอร์ รอผลสอบ 3-5 วัน
> IELTS แบบกระดาษ สอบฟัง อ่าน และเขียนในกระดาษ แต่หากเป็น IELTS แบบคอมพิวเตอร์สามพาร์ทดังกล่าวจะทำในคอมพิวเตอร์ ส่วนการพูดจะสอบแบบตัวต่อตัวหรือผ่านทางวิดีโอคอลเหมือนกัน
> IELTS Writing หากทำข้อสอบแบบกระดาษต้องนับจำนวนคำเอง ส่วน IELTS แบบคอมพิวเตอร์จะมีจำนวนคำขึ้นให้
คะแนน IELTS เท่าไหร่ จึงจะถือว่าสอบผ่าน
IELTS มีคะแนนเต็ม 9.0 ระดับคะแนนเพิ่มขึ้นทีละ 0.5 คะแนน เช่น 6.0, 6.5, 7.0 ซึ่งเราจะเรียกว่าเป็น Band Score ก็ได้ โดยคะแนนแต่ละระดับจะบ่งบอกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่มีเกณฑ์คะแนนตกหรือผ่าน โดยคะแนนรวมนี้มาจากการนำคะแนนของแต่ละพาร์ทมารวมกันแล้วหาค่าเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม คะแนนสอบจะสามารถใช้งานได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับว่าผู้สอบทำคะแนนได้ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยหรือองค์กรระบุหรือไม่ เช่น หลักสูตรปริญญาตรีนานาชาติในไทย ส่วนใหญ่จะกำหนดคะแนนยื่นตั้งแต่ 6.0 ขึ้นไป หากเราทำคะแนนได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็จะไม่สามารถยื่นได้
ระดับ IELTS Score – ความหมายของคะแนน
band score 1 (English Non-user) ใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แม้เเต่เล็กน้อย
band score 2 (English Intermittent use) ใช้ภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารไม่ได้เลย หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ประมาณ 255-300 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ประมาณ 19-29
band score 3 (English Extremely limited user) ใช้ภาษาอังกฤษได้จำกัดมาก สามารถใช้สื่อสารได้ในสถานการณ์ที่ง่ายเท่านั้น หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 300-400 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 30-40 คะแนน โดยคะแนนระดับนี้ สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อมหาลัยในประเทศ ได้บางมหาวิทยาลัย บางคณะ เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ ภาคพิเศษ หลักสูตรไทย , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ภาคพิเศษ หลักสูตรไทย
band score 4 (English Limited user) ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัด สามารถใช้สื่อสารได้เฉพาะเรื่องที่ตนเองคุ้นเคยเท่านั้น หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 405-500 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 41-52 คะแนน โดยคะแนนระดับนี้ สามารถใช้สมัครงานได้บางแห่ง เช่น SCG , การไฟฟ้า , ธนาคารเเห่งประเทศไทย
band score 5 (English Modest user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับปานกลาง สามารถใช้สื่อสารได้บางส่วนและเข้าใจความหมายกว้างในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ยังมีข้อผิดพลาดบ่อย ๆ แต่ก็สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานในเรื่องที่ตนถนัดได้ดี หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 500-600 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 53-64 โดยคะแนนระดับนี้ สามารถใช้สมัครงานได้ เช่น CPAAL , TOYOTA
band score 6 (English Competent user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมในการใช้ภาษาบ้าง หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ประมาณ 600-700 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ประมาณ 65-78 คะแนนระดับนี้ สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อได้ทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศและต่างประเทศ หรือใช้ยื่นสมัครงานก็ได้
band score 7 (English Good user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี สามารถสื่อสารได้ดีแต่ยังมีความผิดพลาดและเข้าใจผิดในบางโอกาส หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ประมาณ 701-800 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ประมาณ 79-95 คะแนนระดับนี้ สามารถใช้ยื่นศึกษาต่อได้ทั้งมหาลัยชั้นนำในประเทศและมหาลัยชั้นนำระดับโลก เช่น Harvard , MIT , Stanford , Oxford
band score 8 (English Very good user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมาก สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและคล่องแคล่ว แต่อาจมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมบ้างบางครั้งคราว หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 801-900 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 96-110
band score 9 (English Expert user) ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีเยี่ยม สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะสม ถูกต้องแม่นยำ และมีเข้าใจในภาษาอย่างดีเยี่ยม หากเทียบคะแนน TOEIC จะอยู่ที่ 901-990 หรือ หากเทียบคะแนน TOEFL IBT จะอยู่ที่ 110-120
IELTS เปิดสอบเมื่อไหร่
รอบสอบ IELTS มีเปิดทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการสอบแบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์ หากเราสนใจก็สามารถสมัครสอบผ่านเว็บไซต์ของศูนย์สอบได้เลย
วิธีการสมัครสอบ IELTS
เข้าเว็บไซต์ของศูนย์สอบ IELTS Exam โดยเลือกได้ระหว่าง IELTS British Council หรือ IELTS IDP
ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับการสอบก่อน ได้แก่ การเลือกประเภทของการสอบ ว่าเราต้องการสอบประเภทใด เช่น IELTS Academic สำหรับนำคะแนนไปใช้เรียนต่อ หรือ IELTS UKVI สำหรับใช้ไปเรียนที่ที่อังกฤษ เป็นต้น
เข้าสู่ระบบเพื่อทำการสมัครสอบ โดยหากใครที่มีแอคเคาน์อยู่แล้วก็สามารถ Log in ได้เลย แต่หากยังไม่เคยมีแอคเคาน์มาก่อน ให้ทำการสร้างแอคเคาน์โดยคลิก “Create New User” หรือ “Create an account” ซึ่งแล้วแต่ว่า ระบบที่เราสมัครสอบจะใช้คำว่าอะไร
กรอกข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปี เกิด ซึ่งข้อมูลนี้ต้องตรงกับบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตทุกตัวอักษร นอกจากนี้ยังต้องกรอกอีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระดับภาษาหรือการเรียนภาษาอังกฤษของเรา การวางแผนการยื่นคะแนนในอนาคต ฯลฯ
ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน โดยการชำระเงินนั้น ผู้สมัครสอบสามารถเลือกได้ว่าต้องการชำระทันทีผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ หรือต้องการชำระภายหลังด้วยช่องทางการชำระเงินแบบอื่น ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีระยะเวลากำหนดว่าต้องชำระภายในเมื่อใด ซึ่งแต่ละศูนย์สอบก็อาจจะกำหนดระยะเวลาแตกต่างกันออกไป
หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครจะได้รับอีเมลยืนยันการสมัครสอบ ขั้นตอนหลังจากนี้ก็เหลือเพียงแค่รอไปสอบในวันสอบจริง ทั้งนี้ อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตติดตัวไปในวันสอบจริงด้วยนะคะ (ตอนสมัครสอบกรอกข้อมูลจากเอกสารใด ในวันสอบจริงให้เตรียมเอกสารนั้นไป)
การสอบ IELTS จะให้เวลาสมัครสอบ 20-30 นาที หากหมดเวลาแล้วยังกรอกข้อมูลไม่เสร็จ จะต้องเริ่มกรอกใหม่ทั้งหมด ดังนั้น เราจะต้องเตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และบัตรเครดิตสำหรับการชำระเงินให้พร้อม แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกชำระผ่านบัตรเครดิต ก็สามารถเลือกช่องทางการชำระเงินช่องทางอื่น ๆ แทนได้
IELTS สอบที่ไหนได้บ้าง
> ศูนย์สอบ IELTS British Council มีสนามสอบทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ได้แก่ สมุทรปราการ เชียงใหม่ ปทุมธานี พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา และภูเก็ต
> ศูนย์สอบ IELTS IDP มีสนามสอบที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต โคราช มหาสารคาม และพิษณุโลก
วันสอบ IELTS ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง
เตรียมบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตัวจริงไป โดยแนะนำว่าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งให้ตรงกับที่เราใช้สมัครสอบ เช่น เราอัพโหลดรูปบัตรประชาชนไว้ในระบบตอนสมัครสอบ เราก็เตรียมบัตรประชาชนตัวจริงไป แต่หากเราใช้พาสปอร์ตตอนสมัครสอบ เราก็เลือกนำพาสปอร์ตตัวจริงไป เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ ทางศูนย์สอบจะมีเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว
IELTS เลื่อนสอบหรือยกเลิกการสอบได้ไหม
สามารถเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงวันสอบ IELTS ได้ โดยหากแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนถึงวันสอบ จะไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ กรณีแจ้งล่วงหน้า 3 วัน – 5 สัปดาห์ก่อนสอบ จะมีค่าธรรมเนียม 25 % และหากแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่า 3 วันก่อนสอบ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนวันสอบได้ ส่วนใครที่อยากจะยกเลิกการสอบไปเลยก็สามารถทำได้ แต่จะต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนถึงวันสอบเท่านั้น ซึ่งผู้สอบจะได้รับเงินคืน 75% ทั้งนี้ ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น เจ็บป่วยร้ายแรง เกิดภัยพิบัติ ญาติหรือคนในครอบครัวเสียชีวิต หรืออื่น ๆ ตามที่ศูนย์สอบกำหนด แม้จะไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก็สามารถทำเรื่องให้ศูนย์สอบพิจารณาคืนเงินได้ โดยจะต้องส่งคำขอไปยังศูนย์สอบภายในหลังวันสอบ 1 วัน และต้องมีการส่งหลักฐานภายใน 5 วันนับจากวันสอบด้วย
ความแตกต่างระหว่าง สอบ IELTS Paper-Based Test VS IELTS Computer
คำถามที่พบบ่อย ielts
ielts สอบได้กี่ครั้งต่อปี?
> สามารถสอบได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่มีเงื่อนไขจำกัดเรื่องจำนวนครั้งในการสอบ ข้อสอบนี้มีเปิดสอบทุกสัปดาห์ หากสอบแบบกระดาษจะรอผลคะแนน 2 สัปดาห์หลังสอบ แต่หากสอบแบบคอมพิวเตอร์จะรอผลเพียง 5-7 วันหลังสอบ
ielts สอบได้กี่ครั้ง?
> ข้อสอบนี้มีเปิดสอบทุกสัปดาห์ จึงสามารถสอบได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ไม่มีเงื่อนไขจำกัดเรื่องจำนวนครั้งในการสอบ หากสอบแบบกระดาษจะรอผลคะแนน 2 สัปดาห์หลังสอบ แต่หากสอบแบบคอมพิวเตอร์จะรอผลเพียง 5-7 วันหลังสอบ
ielts ค่าสอบเท่าไหร่?
> กรณีสมัครสอบแบบ Academic หรือ General ค่าสอบจะอยู่ที่ 6,900 บาท/ครั้ง แต่หากเป็นแบบ UKVI ค่าสอบจะเป็น 7,710 บาท/ครั้ง ส่วนกรณีสอบแบบ Life Skill ราคาค่าสอบคือ 5,800 บาท/ครั้ง
สอบ ielts แบบไหนดี ?
> ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยแบบ Academic เหมาะกับการเรียนต่อ แบบ General เหมาะกับการสมัครงาน Life Skill เหมาะกับการขอสัฐชาติหรือวีซ่าแต่งงาน หรือกรณีจะสอบแบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเลือกที่ถนัดได้เลย
คะแนน IELTS ควร ได้เท่าไหร่ ?
> ขึ้นอยู่กับที่ที่เราจะยื่นว่ากำหนดคะแนนไว้เท่าไหร่ ให้ยึดที่เกณฑ์ของที่นั้น ๆ และให้ทำคะแนนให้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเล็กน้อย โดยเฉพาะการยื่นสมัครเรียนต่อ เนื่องจากเราจะต้องแข่งขันกับคนอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง
คะแนน IELTS อายุ ?
> ผลสอบมีอายุ 2 ปี โดยหากคะแนนที่มีอายุเกินจากนี้จะไม่สามารถใช้ยื่นได้ ดังนั้น ในรายละเอียดการประกาศรับสมัครต่าง ๆ จึงมักจะมีหมายเหตุแจ้งไว้เสมอว่าคะแนนที่ยื่นนั้นจะต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปี
คะแนน IELTS ต่ำสุด ?
> คะแนนสอบต่ำสุดจะเริ่มจาก 1.0 หมายถึงใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ไปจนถึง 9.0 หมายถึงใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเลิศ โดยคะแนนต่ำสุดที่ยื่นได้ จะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละที่ ว่ากำหนดให้ยื่นคะแนนไม่น้อยกว่าเท่าไหร่
ielts อายุกี่ปีถึงสอบได้ ?
> การสอบไม่ได้กำหนดอายุขั้นต่ำ ไม่ว่าจะอยู่ช่วงวัยใดก็สามารถสมัครสอบได้ แต่ด้วยลักษณะของคำถามและแนวข้อสอบ หากให้แนะนำก็จะเหมาะกับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปมากกว่า
ielts สอบอะไรบ้าง ?
> แบบ Academic และ General สอบทั้งหมด 4 พาร์ท ได้แก่ การฟัง (Listening), การอ่าน (Reading), การเขียน (Writing) และการพูด (Speaking) ส่วนแบบ Life Skill จะสอบเฉพาะการพูด(Speaking) และการฟัง (Listening)
ขั้นตอนการสมัครเรียน 3 ช่องทาง
- รบกวน คลิก Add Line ID : Chulatew แจ้งรายละเอียดที่ต้องการเรียน หรือทักมาสอบถามมาคุยกันได้นะคะ *คุยกับ Admin โดยตรง* (คลิก ICON ด้านล่างเพื่อ Add Line ค่ะ)
- คลิก กรอกรายละเอียด ตาม Form ด้านล่าง ทางทีม Chulatew จะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบทาง Line หรือ โทรศัพท์ (คลิก ICON ด้านล่าง เพื่อกรอกรายละเอียดค่ะ)
- ผ่านทาง Facebook Fanpage, Instagram แจ้งรายละเอียดที่ต้องการเรียน หรือทักมาสอบถามมาคุยกันได้นะคะ (คลิก ICON ด้านล่างได้เลยค่ะ)
> ติวเตอร์มีประสบการณ์สอน สอนพิเศษตัวต่อตัว มายาวนาน ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติมาเป็นอย่างดี
> มีเทคนิคเฉพาะตัว ช่วยให้การเรียนตัวต่อตัวเข้าใจง่าย สามารถพลิกเเพลง ได้ทุกเเนว
> ติวเตอร์เป็นกันเอง ทำให้การเรียน การสอน กลายเป็นเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ เข้าใจง่าย เเละรู้จริง สามารถปรับเข้ากับสไตล์การเรียนของผู้เรียน เช่น ตะลุยข้อสอบ ปรับพื้นฐาน
> หากเรียนกับติวเตอร์ เเล้วไม่ถูกใจ ทีมจุฬาติว สามารถเปลี่ยนติวเตอร์ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรี!!
ติอต่อเรา